วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2564

เรื่องตั้งพระครูสุทธิญาณโสภณ (พระครูเล็ก) เป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธ์(ธ) และการถอดถอนพรเทพสารเมธี(หลวงปู่บัวศรี) ออกจากเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธ์ (ธ) กลายเป็นมหากาพย์ ของคณะสงฆ์ธรรมยุต

เพราะพระสงฆ์และชาวบ้านกาฬสินธ์รับไม่ได้ เพราะหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม จึงส่งพระครูสุทธิญาณโสภณ ต่อไปจะเรียกพระครูเล็กข้ามห้วย ข้ามคลองจากจังหวัดหนองคาย มาปกครองสงฆ์จังหวัดกาฬสินธ์

และทำไมจึงถอดถอนพระเทพสารเมธี ต่อไปจะเรียกหลวงปู่บัวศรี ออกจากเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธ์

แต่ไม่มีใครตอบให้สิ้นสงสัย ไม่ว่ามหาเถรสมาคม หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเหมือนทำงานไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้

  อย่างไรก็ตามถ้าศึกษากฏเกณฑ์ มหาเถรสมาคมก็ดี แถลงการณ์คณะสงฆ์เล่มที่ 108 ตอนที่ลงวันที่ 25 กค. 2563 ที่เป็นกฎใหม่ก็ดี ต้องให้ความเห็นใจ ทั้งพระครูเล็ก และหลวงปู่บัวศรีเพราะสภาพการณ์เช่นนี้ น่าจะเกิดจากพระสังฆาธิการที่มีอำนาจในการแต่งตั้งและถอดถอนละเลยกฎ มส.และ ระเบียบ ปฏิบัติ ที่ระบุชัดเจน ว่าจะแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดต้องดูคุณสมบัติอะไร


หรือจะถอดถอนพระสังฆาธิการ ต้องมีขั้นตอนอย่างไร

 ผมไม่อยากฟันธงตามเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติว่า การแต่งตั้งและถอดถอน ที่ประกาศวันที่ 30 กันยายน 2563 นั้น ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ให้เหตุผลใดๆ ไม่ได้ นอกจากให้ผู้ฟังมโนเอาเอง

 เรื่องแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดนั้นมีกฎระเบียบของสงฆ์ให้ปฏิบัติ ดังนั้นต้องดูว่าใครละเมิดกฎและจริยาพระสังฆาธิการ


จริยาพระสังฆาธิการ ว่า พระสังฆาธิการต้องเอื้อเฟื้อต่อกฎหมาย พรบ.คณะสงฆ์ กฎกระทรวง  กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช  สังวรและปฎิบัติตามพระธรรม วินัย โดยเคร่งครัด


เมื่อพิจารณาการตั้งพระครูสุทธิญาณโสภณ (พระครูเล็กเป็น เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธ์ นั้น พระสังฆาธิการผู้มีอำนาจแต่งตั้งยึดอะไรเป็นหลัก เพราะดูแล้วเหมือนท่านไม่มีเกณฑ์อะไรพิจารณา

 โปรดอ่านหลักเกณฑ์การตั้งเจ้าคณะจังหวัด ท่านกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

 1 มีพรรษาพ้น 10 กับมีสำนักอยู่ในจังหวัดนั้น

กำลังดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดนั้นมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 2 ปี หรือ

ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะอำเภอในจังหวัดนั้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี หรือ 

4  มีสมณศักดิ์ไม่ต่ำกว่าพระราชาคณะชั้นสามัญ หรือเป็นคณาจารย์โท หรือเปรียญธรรมไม่ต่ำกว่า 6 

ประโยค

คุณสมบัติพระครูเล็ก ที่พระสังฆาธิการผู้มีอำนาจแต่งตั้งอุ้มข้ามห้วย ข้ามจังหวัด ข้ามเขตปกครองระดับภาค มาครองจังหวัดกาฬสินธุ์นั้น มีคุณสมบัติ เพียงอายุพรรษา พ้น 10 เท่านั้น ที่เหลือสอบตกทุกข้อ

แล้วอย่างนี้ พระสังฆาธิการ

 ที่แต่งตั้งใช้กฎเกณฑ์อะไรมาเลือกพระครูเล็ก โดยมิได้คำนึงถึงจริยา

  ถ้าดูตามศักดิ์ที่ระบุในข้อ 4 แห่งแถลงการณ์คณะสงฆ์ ฉบับที่ลงวันที่ 25 กค. 2563 ที่อ้างแล้วนั้น ทำไมผู้มีอำนาจไม่ยึดศักดิ์ ที่เคยให้ความสำคัญ เหมือนกับการแต่งตั้งเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่ผ่านมา

 ตามแถลงการณ์คณะสงฆ์(โปรดสังเกตแถลงการณ์คณะสงฆ์ไม่ใช่กฎ มส. ) คือการแต่งตั้งเจ้าคณะหน เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด หรือเจ้าอาวาส พระอารามหลวง ในกรณีที่ครบวาระพร้อมกัน ให้ดำเนินการตามลำดับศักดิ์ของตำแหน่งพระสังฆาธิการ จากสูงลงมาต่ำ

ความข้อนี้ไม่กระทบถึงการที่จะมีพระราชดำริเป็นประการอื่นในทุกกรณี

 เมื่อดูศักดิ์จากสูงมาหาต่ำจะพบว่าจังหวัดกาฬสินธุ์นั้น มีพระราชาคณะชั้นสามัญ คือ พระญาณรักขิต ดำรงตำแหน่งเป็นรองเจ้าคณะจังหวัด มีคุณสมบัติครบ และมีศักดิ์เหนือกว่าพระครูเล็กแล้วทำไมผู้มีอำนาจแต่งตั้งจึงมองข้ามท่านไป ใครรู้บอกด้วย

 ขอสรุปว่าเรื่องพระครูเล็กถูกอุ้มมามีอำนาจใน กาฬสินธ์นั้น ไม่ใช่ความผิดของพระครูเล็กแต่เป็นฝีมือผู้แต่งตั้ง จึงไม่ควรเรียกร้องเอาอะไรจากผู้ถูกอุ้มคือพระครูเล็ก แต่ต้องเรียกร้องผู้แต่งตั้งหรืออุ้มพระครูเล็กให้แสดงความเป็นผู้ใหญ่ ใจกว้าง บอกเหตุ ผลว่าทำไมเลือกพระครูเล็กใหัเป็นใหญ่

ในจังหวัดกาฬสินธ์

 

 เรื่องถอดถอนพระเทพสารเมธี.

พระเทพสารเมธี หรือหลวงปู่บัวศรี วัดประชานิยม ถูกถอดถอนจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธ์(โดยไม่มีการแถลงเหตุผล ทำเอาคณะศิษย์ และประชาชนชาวกาฬสินธ์ที่เคารพหลวงปู่บัวศรี งงเป็นไก่ตาแตก จึงขอให้ผู้มีอำนาจเหนือ(พระสังฆาธิการชี้แจง แต่ได้รับคำตอบว่าท่านไม่รู้เรื่อง ทั้งๆ ที่ถือคำสั่งแต่งตั้งและถอดถอนไปแจ้งให้มหาเถรสมาคม รับทราบเมื่อวันที่ 30 กันยายน   2563 แบบนี้เขาบอกว่าพีน็อกคีโอยังอาย

 ส่วนเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธพระพุทธศาสนาแห่งชาติว่าการถอดถอนทำถูกต้องตามกฎหมาย

 ความจริงพระสังฆาธิการ ระดับเจ้าคณะจังหวัดนั้น ได้

รับการคุ้มครองจากกฎ มส คือถ้าละเมิดจริยา ผู้กล่าวหาต้องรายงานให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งรับรู้และสอบสวน เมื่อพบว่าผิดจริง จึงถอดถอนได้


หลักเกณฑ์จริยาพระสังฆาธิการ ว่าการถอดถอนจะทำได้ต่อเมื่อพระสังฆาธิการละเมิดจริยาร้ายแรงอย่างใดอย่างหนึ่งใน 5 ข้อ

1ทุจริตต่อหน้าที่

ละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุสมควรเกิน 30 วัน

ขัดคำสั่งอันชอบด้วยการคณะสงฆ์และการขัดคำสั่งนั้นเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ก่รคณะสงฆ์

ประมาทเลินเล่อในหน้าที่

เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่การคณะสงฆ์

ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

 จนถึงขณะนี้ไม่มีใครที่มีอำนาจว่าหลวงปู่บัวศรีละเมิดจริยาข้อไหน เมื่อละเมิดแล้วสอบสวนได้ความอย่างไร แต่ละฝ่าย อมพะนำ หรือแบะๆ กันหมด สงฆ์และชาวบ้านจึงข้องใจในความโปร่งใส

 ที่ผมเขียนมา เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ทั้งพระครูเล็ก และหลวงปู่บัวศรี และต้องการชีัให้เห็นว่า ถ้าผู้มีอำนาจบริหาร ทำงานโปร่งใส มีหลักเกณฑ์ ประกอบด้วย ธรรม วินัย  มีใจมีเมตตา มหากาพย์สงฆ์ ()จังหวัดกาฬสินธ์ คงไม่ยืดเยื้อขนาดนี้


โดยอารามชรา


ไม่มีความคิดเห็น:

ข่าวประจำวัน

โครงการผ่าตัดตาต้อกระจก แก่ชาวเนปาล ณ วัดไทยลุมพินี เนปาล ถวายเป็นพระราชกุศลในหลวงรัชกาลที่ ๙ และในหลวงรัชกาลที่ ๑๐

โครงการผ่าตัดตาต้อกระจก   แก่ชาวเนปาล   ณ   วัดไทยลุมพินี   เนปาล ถวายเป็นพระราชกุศลในหลวงรัชกาลที่   ๙   และในหลวงรัชกาลที่   ๑๐ เริ่มแล้วว...